มาคราวนี้ผมขอลงรูปของสะสมของผมประเภท RC Formula1 ให้ได้ชมกันครับ
ท่านใดมีสะสมไว้ก็เอามาให้ชมกันบ้างนะครับ
TAMIYA Williams FW11B Hoanda F-1 (58069) คันนี้ผลิตออกมาในปี 1987
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ Nelson Piquet และ Nigel Mansell ใช้แข่งในปี 1987
และ Nelson Piquet ก็ได้แชมป์โลกมาครองในปีนั้น
TAMIYA Ferrari F189 (58084) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ
Ferrari 640 เป็นรุ่นที่ Nigel Mansell และ Gerhard Berger ใช้แข่งในปี1989
คันนี้ผลิตออกมาในปี1990 มันเป็น F-1 รุ่นแรกที่ Tamiya นำมาวางบนแชสซี
F101 ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของ F-1 ในซีรี่ส์
F10x...มันได้รับการพัฒนาจากแชสซีทางเรียบรุ่นก่อนๆโดยเริ่มใช้ T-Bar จริงๆที่ช่วงล่างด้านหลัง จากเดิมที่เคยใช้แค่ความยืดหยุ่นของแชสซี
และเป็นครั้งแรกของ Tamiya ที่มีการใช้ Ball Differential บนระบบขับเคลื่อนแบบเพลาตรง
แชสซีเป็นไฟเบอร์กลาส2ชั้น เพลทล่างรูปร่างเรียวเข้ากับบอดี้ เซอร์โวถูกวางแบบแนวราบเหมือนรถกระดานทั่วไป
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบสปริงกับปีกนกแข็ง ด้านหลังเป็นแบบ T-Bar มีโช็คน้ำมันกับสปริงตรงกลาง มาพร้อมกับล้อตัน(Dish wheel)และยางโฟม
แชสซี F101 นี้ได้ถูกนำไปใช้กับรถอีก3รุ่นคือ Tyrrell 019, Lotus 102B, Jordan 191
Tamiyaไม่ได้ตั้งชื่ออะไรให้แชสซีตัวนี้ตอนออกวางขายครั้งแรก แต่หลังจากนั้นแล้วหลายปีตอนที่เริ่มผลิต F102 ออกมา จึงได้ตั้งชื่อแชสซีตัวเก่านี้ว่า F101
โดย F102 นั้นมีการปรับปรุงจาก F101 เพียงแค่ไม่กี่จุดคือ เปลี่ยนจากล้อตันไปเป็นล้อแฉก และเปลี่ยนรูปร่างของชิ้นส่วนบางชิ้นกับแชสซีให้เรียวขึ้น
TAMIYA Tyrrell 019 Ford (58090) ผลิตออกมาในปี 1990 บนแชสซี F101
เป็นรุ่นที่ Jean Alesi และ Satoru Nakajima ใช้แข่งในปี 1990
ถึงแม้ว่าคะแนนในปีนั้นของ Nakajima ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็ถือเป็นความภูมิใจของคนญี่ปุ่น
และก็เป็น F-1 คันแรกที่ถูกออกแบบให้ส่วนหัวนั้นเชิดขึ้น(High Nose) ซึ่งก็เป็นลักษณะที่ใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง
TAMIYA Lotus 102B Judd (58095) ออกมาในปี 1991 บนแชสซี F101 ตัวดั้งเดิม (ตอนนี้มีทำออกมาขายใหม่บนแชสซี F104W ด้วยเช่นกัน)
คันนี้เป็นรถ F-1 คันแรกที่ Mika Hakkinen ได้ขับตอนเริ่มลงแข่ง F-1 ในปี 1991 แม้ว่าผลงานจะไม่ดีเลยแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางไปสู่แชมป์โลกของเค้า
TAMIYA Jordan 191 (58103) ออกมาในปี1992 เป็นรถที่ใช้แชสซี F101 เป็นรุ่นสุดท้าย
คันนี้เป็นรถ F-1 คันแรกที่ Michael Schumacher ได้ขับแข่ง ตอนมาขับแทนนักแข่งตัวจริงของทีม(ที่ติดคุกอยู่)เพียงแค่ 1 สนามเท่านั้นในปี 1991
ตอนที่เค้ากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเซ็นสัญญากับทีมไหนดี แต่ในที่สุดเค้าก็ตกลงเซ็นกับ Benetton ซึ่งก็ทำให้เค้าคว้าแชมป์โลกมาได้ในอีกไม่กี่ปีต่อมานั่นเอง
กล่องที่ผมได้มานี้ออกจะแปลกซักหน่อยเพราะฝากล่องไม่มีรูปอะไรเลย เป็นเพียงกระดาษแข็งสีขาวธรรมดา
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะกล่องนี้เป็นสินค้าตัวอย่าง ที่สมัยก่อน Tamiya จะส่งไปให้ร้านค้าต่างๆประกอบและตั้งโชว์ไว้ก่อนที่จะวางขาย
คิดว่าที่ไม่มีรูปหน้ากล่องก็เพื่อไม่ให้ใครเอาไปขายนั่นเอง แต่.....อะโหน่.....แล้วเอามาขายผมได้ไงอ่ะ?!?!?
มาเป็นกล่องที่2แล้ว คันนี้แบบมีรูปบนฝากล่องเหมือนปกติ
TAMIYA McLaren MP4/6 Honda (58104) ออกมาในปี 1992 เป็นรุ่นแรกที่ใช้แชสซี
F102คันนี้ให้สติกเกอร์หมวกกันน็อคมาทั้งของ Ayrton Senna และ Gerhard Berger
เป็นรถที่ Ayrton Senna ได้แชมป์โลกมาครองในปี 1991 และเป็นปีสุดท้ายที่เค้าได้เป็นแชมป์
คันนี้มาเป็นกล่องที่2
TAMIYA Williams FW14 Renault (58105) คันนี้ผลิตออกมาในปี1992 โดยนำมาวางบนแชสซี
F102มีสติกเกอร์หมวกกันน็อคมาทั้ง Nigel Mansell และ Riccardo Patrese
TAMIYA Footwork FA13 Mugen Honda (58114) ออกมาในปี 1992 ใช้แชสซี F102
รถคันนี้น่าจะเป็นความภูมิใจของคนญี่ปุ่นอีกคันหนึ่งเพราะใช้เครื่อง Mugen Honda และขับโดย Aguri Suzuki ในปี 1992
TAMIYA Benetton B192 (58118) ออกมาในปี 1992 ใช้แชสซี F102
เป็นรถ F-1 คันแรกที่ Michael Schumacher ได้ขับแข่งแบบเต็มฤดูกาลในปี 1992 และได้คะแนนสะสมมาเป็นที่3
Tamtech Ferrari 643 1/14 (48008) คันนี้ผลิตออกมาในปี1992 เป็นสเกลที่ใหญ่กว่ารุ่นแรกที่เป็น1/24
แต่ใช้ชุดไฟคล้ายๆกันคือ CPR Unit (Speed Control กับ Receiver ในตัวเดียวพร้อมกับ Mini Servo)
ต่างกันที่ เครื่องบังคับแบบรุ่นที่สอง Tamtech 202 ที่เป็นไกปืน มอเตอร์ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 370
และสามารถเลือกใช้แบตเตอรี่ได้ทั้ง Tampack 7.2V หรือจะใช้ถ่านAA 4ก้อนก็ได้
โครงสร้างทั้งหมดเป็นABSพลาสติก รวมถึงบอดี้ด้วย ใช้ระบบขับเคลื่อน2WDแบบเพลาตรงและดิฟแบบเฟือง
ยางเป็นRubber ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นสปริง ด้านหลังเป็นT-Barที่มีโช็คกับสปริงอยู่ด้านบน
มีเสริมความแข็งแรงด้วยแผ่นไฟเบอร์กลาสที่ปีกนกหน้าด้านล่าง
TAMIYA Lotus 107B Ford (58126) เป็นรถที่ Johnny Herbert และ Alessandro Zanardi ใช้ลงแข่งในปี 1993
คันนี้เป็น F-1 ที่ Tamiya นำมาวางบนแชสซีตัวใหม่คือ
F103 ในปี 1993
โครงสร้างแชสซี F103 ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นพี่อย่าง F102 และ F101 ซึ่งมันก็คล้ายๆกับรถกระดานทั่วไปในยุคนั้น
แชสซีเป็นไฟเบอร์กลาส2ชั้น เพลทล่างรูปร่างเรียวเข้ากับบอดี้
สิ่งที่ต่างจากรุ่นก่อนๆคือเซอร์โวถูกจับวางแบบตั้งขึ้นเพื่อให้ดูแคบลงและที่สำคัญมันทำให้จุดหมุนอยู่ตรงกลางแชสซีพอดี
ระบบขับเคลื่อน2WDแบบเพลาตรง ใช้ Ball Differential ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบสปริง ด้านหลังเป็นแบบ T-Bar
มีโช็คกับสปริงตรงกลางและมี Damper Plate 2ชั้นด้านบน(Tamiyaเริ่มใช้เป็นครั้งแรก)
แชสซี F103 นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนของชิ้นส่วนและการปรับแต่งที่ทำได้เล็กน้อย
แต่ก็ให้สมรถนะที่ดีและความสนุกสนานในการเล่น
TAMIYA Sauber C12 (58130) ออกมาในปี 1993 บนแชสซี F103
เป็นรถที่ JJ Lehto และ Karl Wendlinger ใช้ลงแข่งในปี 1993
TAMIYA Sauber C12 94'Tamiya All Japan Champion Special (49592) ออกมาในปี 1994
เป็น F103 ที่ให้ชุดแต่งมาเต็มที่ แชสซีและเพลาหลังเป็น Carbon Fiber
โช็คอัพ มอเตอร์เมาท์ และดุมล้อเป็นอลูมิเนียมสีฟ้า และมีTurnbuckleให้มาด้วย
TAMIYA Ferrari 412T1 (58142) ออกมาในปี 1994 บนแชสซี F103
มันมีตัวถังที่ดูเพรียวลมและมีเส้นสายที่ดูลงตัวสวยงามเป็นอย่างมาก
เป็นรถที่ Gerhard Berger และ Jean Alesi ใช้ลงแข่งในปี 1994
HPI Super F-1 คันนี้ออกวางขายในปี1994 เป็นรถบังคับวิทยุ
คันแรกที่
HPI ผลิตออกมา หลังจากที่ก่อตั้งบริษัทในปี1986เพื่อผลิตมอเตอร์และชุดแต่งให้กับยี่ห้ออื่นๆ
ความพิเศษของมันก็คือ สามารถใช้ล้อกับยางของรถกระดาน1/10ได้ บวกกับช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ที่เป็นดีไซน์ใหม่ทั้งหมด
ทำให้มันได้เปรียบรถรุ่นอื่นๆอย่าง F103 เป็นอย่างมาก และทำให้ถูกแบนจากการแข่งในบางสนาม
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่(ขยับได้ทั้งบนและล่าง) มีสปริงซ่อนอยู่ใต้ปีกนกล่าง ส่วนปีกนกบนก็มี Turnbuckle ที่ใช้ปรับ Camberได้
และยังปรับเลื่อน Shim เพื่อตั้ง Casterได้อีก ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Pivot Ball 3จุด คล้ายๆรถกระดานแบบ Link Car รุ่นใหม่ๆ
ต่างกันที่ไม่ใช้ Link แต่มี Roll Tower และ Roll Socket แทน มีโช็คน้ำมันอลูมิเนียมตรงกลางลำ
ชิ้นส่วนด้านหลังเกือบจะทั้งหมดก็ยกมาจาก Associated RC10LSO ตั้งแต่ มอเตอร์เม้าท์ขวากับซ้าย แดมเปอร์เพลท แดมเปอร์ดิสค์ และเพลาขับกับดิฟทั้งยวง
แชสซีและเพลทบนเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ วิงหน้าและหลังเป็นพลาสติกเหนียวทนทาน วิงหลังเป็นแบบ 3ชั้น ปรับองศาได้
บอดี้ที่ให้มาก็สวยงามดีมาก รูปทรงมันก็คือ Mclaren MP4/8 (แค่ไม่มีสปอนเซอร์) ส่วนนี้แหล่ะที่ผมชอบที่สุดเลย
F-1 คันแรกจริงๆที่ผมเล่นนั้นเป็นรุ่นที่ทำขึ้นเอง เนื่องจากในปี1994 ตอนที่เก็บตังครบและจะไปซื้อ HPI Super F-1 นั้นของดันหมด ต้องรอนาน
ผมก็เลยดัดแปลงรถกระดาน RC10LSS ที่มีอยู่โดยทำ Chassis ขึ้นใหม่ ให้ด้านหน้าแคบลง ทำจากแผ่นปริ๊นท์แบบไฟเบอร์กลาส
ตัดเหมือนกัน2อัน แล้วทากาวช้างประกบเอาด้านทองแดงเข้าหากัน แข็งใช้ได้เลยครับ ทำที่ยึดวิงด้านหลังเพิ่มแล้วเอาบอดี้ F-1 มาใส่ ก็เป็นอันเรียบร้อย
TAMIYA F103RS Chassis Kit (58156) คันนี้ออกมาในปี1995
แตกต่างจาก F103 ตัวแรกเพียงเล็กน้อยตรงที่ Damper Plate เป็นชั้นเดียว(ตัวแรกมี2ชั้น) และเริ่มใช้ Damper Post แบบปรับเกลียวได้
ส่วน Damper Mount ก็มีการเจาะรูเพื่อลดน้ำหนักด้วย แชสซีนี้ก็เป็นแชสซีมาตรฐานที่ Tamiya นำไปใช้กับ F-1 หลายๆคันที่จำหน่ายต่อมาในอีกหลายปี
TAMIYA F103RX Chassis Kit (58194) คันนี้ออกมาในปี1997 มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนอยู่หลายจุดเพื่อให้ได้สมรรถนะที่ดีขึ้น
ด้านหน้ามีการเริ่มใช้ Link Type Front Suspension แบบที่ปีกนกบนขยับได้ และมี Pivot Ball ที่ปลายทั้ง4ของปีกนกบนและล่าง (เหมือนที่ต่อมาก็ใช้ในF103GT)
ระบบนี้น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก Dynamic Strut Front Suspension ของรถกระดาน RC10LS จากค่าย Associated ซึ่งเป็นต้นแบบที่ยังคงใช้กับรถกระดานในปัจจุบันนี้
มีการใช้ Rear Suspension Ball Mount ที่มี Pivot Ball ตรง T-Bar แทนที่ O-Ring เพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และสามารถตั้ง Tweak ได้
เริ่มใช้ Motor Mount แบบใหม่ที่มี Ride Height Adjuster เพื่อปรับความสูงของเพลาหลังได้ เช่นเดียวกันกับรถกระดานทั่วไป
TAMIYA PIAA Nakajima Reynard 97D (58198) ออกมาในปี 1997 ใช้แชสซี F103RS
คันนี้เป็นรถที่ใช้แข่งในปี 1997 ในคลาสที่เรียกว่า Formula Nippon เจ้าของทีมนี้ก็คือ Satoru Nakajima นักแข่ง F-1 ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในยุค80
TAMIYA Williams Renault FW18 (58179) คันนี้ผลิตออกมาในปี1997 เป็นรุ่นที่ Damon Hill ได้แชมป์โลกมาครองในปี1996
Tamiya นำมาวางบนแชสซี F103RS มีสติกเกอร์หมวกกันน็อคมาทั้ง Damon Hill และ Jacques Villeneuve
ผมได้คันนี้มาจากญี่ปุ่น โชคดีมากที่เค้าให้สติกเกอร์เพิ่มมาด้วยอีกแผ่น มันเป็นตัวหนังสือที่ต่อกันได้เป็นยี่ห้อบุหรี่ Rothmans
COLT (OFNA) Nitro Formula1 คันนี้ผลิตออกมาในปี1998 โดยบริษัท Jin Feng หรือ Jin Yow Yng ในไต้หวัน
แชสซีประกอบมาแล้วจากโรงงาน และ Blister Pack รถทั้งคันมาเลย เค้าให้ยาง บอดี้ สติกเกอร์ กับชุดคันชักต่างๆ ที่ต้องมาติดตั้งเอง
เครื่องยนต์ 2.11cc วางขวางบนพ็อตหลัง ท่อไอเสียออกข้างหลัง Clutch กับ Pinion ก็จ่อตรงไปที่ Spur Gear
เซอร์โวคันเร่งจะถูกยึดกับเพลทบนของพ็อตหลัง ช่วงล่างทั้งด้านหน้าและหลังก็เหมือนกับ F103 อะไหล่ส่วนใหญ่ก็สามารถใช้ร่วมกับ F103
สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือบอดี้ Williams FW19 คันที่ Jacques Villeneuve ได้แชมป์โลกปี 1997 ครับ
CARSON Ferrari F-1 ที่จริงก็คือยี่ห้อเดียวกันกับ COLT/OFNA แต่ขายในยุโรปภายใต้ยี่ห้อ CARSON คันนี้ผลิตออกมาในปี1998
มาพร้อมกับบอดี้ Ferrari F310B ที่ Michael Schumacher ใช้ขับในปี1997
TAMIYA Ferrari F310B (58213) คันนี้ผลิตออกมาในปี1998 ใช้แชสซี F103RS
เป็นคันที่ Michael Schumacher ขับในปี1997 และเสียตำแหน่งแชมป์โลกให้กับ Jacques Villeneuve ด้วยการแพ้ในสนามสุดท้าย
TAMIYA McLaren Mercedes MP4/13 (58235) คันนี้ผลิตออกมาในปี1999 ใช้แชสซี F103RS
ต่างจากรุ่นก่อนๆคือ ให้ยางยาง (Rubber Tires) แต่เป็นยาง Slick ธรรมดา ไม่มีร่องเหมือนในรูปบนกล่องนะครับ
เป็นคันที่ Mika Hakkinen ได้ตำแหน่งแชมป์โลกในปี1998
CROSS Fire Force CF-01 คันนี้ผลิตออกมาในปี1999
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดก็คือช่วงล่างด้านหน้า มันเหมือนกับ F-1 ของจริงในยุค90คือ ปีกนก2ชั้น มี Push Rod จากปีกนกล่างไปยัง Rocker Arm ที่ไปกดโช็คอัพอีกที
ตัวโช็คไม่มีน้ำมัน แค่สวมกันไว้เฉยๆแต่ก็พอจะทาจารบีได้ เซอร์โวถูกติดตั้งแบบกลับหลังและตั้งขึ้น โดยใส่เข้าไปใน Bulkhead ที่อยู่ระหว่างปีกนกหน้า
ทั้งระบบ Rocker Arm และตำแหน่งของเซอร์โวแบบนี้เอง ก็ทำให้ด้านหน้ามันมีขนาดใหญ่
บอดี้จึงอาจจะต้องถูกตัดคว้านมากกว่าปกติเพื่อไม่ให้ไปขวางการทำงานของ Rocker Arm
ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Link System (เหมือนที่ 3Racing เอาไปใช้กับ F109) มี Pivot Ball ตรงกลาง และมี Link กำกับอยู่ทั้ง2ข้าง
ด้านบนมีแดมเปอร์ดิสค์ และสปริงกับโช็คที่ไม่มีน้ำมัน การโยกไปซ้ายและขวาของห้องเครื่องด้านหลังนี้ ถูกกำกับด้วยระบบแปลกๆเหมือนการง้างก้ามปู
คือจะมีเสาที่มาจากห้องเครื่องยื่นขึ้นมา และมันถูกหนีบอยู่ระหว่างก้ามปูด้านบน ซึ่งเราสามารถเลือกรูใส่สปริงเพื่อปรับความแข็งของก้ามปูได้
ถ้าไม่ชอบช่วงล่างด้านหลังแบบนี้ ก็สามารถยกเอาของ F103 มาใส่ได้พอดีเป๊ะ เค้าทำรูและรูปร่างแชสซีตัดเว้าเข้าไปให้ใส่ T-Bar ของ F103 ได้
รวมไปถึงระบบขับเคลื่อนแบบเพลาตรงกับ Ball Differential และห้องเครื่อง ก็สามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ F103 ได้เช่นกัน
ชุดคิทนี้ให้ล้อกับยางมาด้วย ซึ่งก็เป็นขนาดเดียวกับF103 และให้วิงหน้ากับหลังมา ยกเว้นเพียงบอดี้ที่ต้องซื้อเพิ่มเอง
ความพิเศษของรถคันนี้คือ มันถูกออกแบบมาให้สามารถวางแบเตอรี่ได้ทั้งตามแนวยาวและตามขวาง
TAMIYA Tyrrell P34 Six Wheeler (49154) คันนี้ผลิตออกมาในปี2000 เป็น Re-Release จากตัว 58003 แต่ใช้แชสซี F103RS Special
ซึ่งต่างจากตัว F103RS ธรรมดาตรงที่ด้านหน้ามีการเสริมชิ้นส่วนสำหรับติดตั้งล้อ4ล้อ ยางหน้าและหลังก็เป็นขนาดเฉพาะของรถรุ่นนี้เพื่อให้ดูสมจริง
TAMIYA Ferrari F2001 (58288) F201 Chassis คันนี้ออกมาปลายๆปี2001 เป็น F-1 ที่สวยสมจริงมาก (ถ้าไม่นับว่ามันขับเคลื่อนแบบ 4WD)
ช่วงล่างทั้งหน้าและหลังเป็นแบบปีกนกคู่ โดยมี Push Rod จากปีกนกล่างไปยัง Rocker Arm ที่ไปกดโช็คอัพแบบน้ำมันซึ่งวางตามแนวยาว
ทั้งหน้าและหลังมี Upright แบบ Pivot Ball ที่ปรับ Camber ได้ และมี Link ที่สามารถปรับ Toe ได้เช่นกัน
มอเตอร์วางกลางลำด้านขวาตามแนวยาว และจาก Spur Gear ก็จะมีเพลาต่อไปยัง Ball Differential ทั้งหน้าและหลัง
ล้อใช้ดุมหกเหลี่ยม12มม. ขนาดของยางสำหรับรุ่นนี้ทำมาเป็นพิเศษไม่เหมือนรุ่นก่อนๆ และมีร่องเหมือน F-1 ของจริงในยุคนั้น
TECH RACING TF108 คันนี้ออกมาต้นๆปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่ F-1 ไม่ค่อยจะได้รับความนิยมมากนัก แต่มีคนกลุ่มหนึ่งในญี่ปุ่นที่ยังคงเล่นกันอยู่และรักมันเป็นชีวิตจิตใจ
ทาง Tech Racing จึงได้ผลิตคันนี้ออกมาเพื่อตลาดภายในประเทศ
การออกแบบแชสซีและระบบกันสะเทือนด้านหลังถือได้ว่าเป็นดีไซน์ใหม่ของรถ F-1 โดยเริ่มใช้ T-bar แบบใหม่ที่ทาง Tech Racing เรียกว่า “Alpha-bar”
มันมีจุดยึด 2 จุดที่ส่วนหน้า เพื่อให้น็อตทั้ง 2 ตัวหลบไปอยู่ด้านข้างของแบตเตอรี่ที่ถูกจับวางในแนวยาว
T-bar รูปแบบใหม่นี้ Tamiya ได้นำไปใช้กับรถรุ่นใหม่ก็คือ F104 ในเวลาต่อมา แต่ก็คงจะไม่ใช่การลอกแบบหรือขโมยดีไซน์กัน
เพราะทาง Tech Racing ได้เคยร่วมงานกับ Tamiya ในการช่วยออกแบบรถให้มาหลายรุ่นแล้ว
และอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ Diff Housing แบบใหม่ ที่ทำให้สามารถถอดล้อได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับ Diff จึงไม่ต้องตั้งความตึงของ Diff ใหม่ทุกครั้ง
ระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นรูปแบบทั่วไปคือโช็คน้ำมันอลูมิเนียมและ Damper Plate ด้านหน้าเป็นแบบเดิมๆคือ ปีกนกแข็งทั้งบนและล่าง
มีสปริงที่ด้านล่างของ Kingpin ซึ่งเคลื่อนขึ้นลงผ่าน Bush พลาสติก ปีกนกหน้าทำจากแผ่น Fiberglass รูปร่างของมันทำมาได้สวยจริงๆแม้ว่าจะขยับไม่ได้เลยก็ตาม
ชุดบล็อคมอเตอร์เม้าท์ด้านหลังทั้งชุดทำจากอลูมิเนียม ยึดเข้าด้วยกันอย่างแข็งแรงและเชื่อมต่อกับ T-bar โดยไม่มีเพลทล่าง ล้อและยางสามารถใช้ของ F103 ได้ตามปกติ
ผมรู้สึกชอบรถคันนี้ทันทีที่ได้เห็นรูปในเวบไซท์ แต่ตอนนั้นราคามันค่อนข้างจะแพงไปสำหรับ F-1 ในสเกลนี้ และผมก็เพิ่งจะได้เป็นเจ้าของมันเมื่อไม่นานมานี้ล่ะครับ
TECH RACING TF108 Limited(Silver) ออกมาในปี2008 คันนี้เป็นรุ่นท็อปของ TF108 วัสดุที่ใช้ต่างจากตัวธรรมดาตรงที่เปลี่ยนจาก Fiberglass
มาเป็น Silver Surface Graphite (SSG) ดูแพรวพราวเป็นลิเกไปหน่อยแต่ผมก็ชอบอยู่ไม่น้อยสำหรับวัสดุชนิดนี้
TECH RACING TF108B w/Body
TECH RACING TRG-109
TECH RACING F125 ออกมาในปี2010 ตัวนี้เค้าทำมาขายหลายรุ่นมากแตกต่างกันไปทั้งวัสดุและบอดี้ที่ให้มา
จุดเด่นคือช่วงล่างด้านหลังนั้นเป็นแบบ Link Car แต่มี Torsion Bar หรือก็คือลวดเหล็กเส้นบางๆที่บิดตัวได้ทำหน้าที่เหมือนเป็นสปริงนั่นเอง
มี Damper Plate และโช็คอยู่ตรงกลาง และก็ยังคงเอกลักษณ์ของยี่ห้อนี้อยู่คือไม่มีเพลทล่างที่ห้องเกียร์เหมือนเดิม
คันนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถวางแบเตอรี่ได้ทั้งตามแนวยาวและตามขวาง
ทั้ง2ข้างของแชสซีก็มี Panel ติดตั้งอยู่ น่าจะเพื่อประโยชน์ในด้าน Aerodynamics
TAMIYA F103RM w/L-Type Body (84032) ทุกอย่างคล้ายกันกับ F103RX ต่างกันที่ใช้ปีกนกหน้าแบบธรรมดาเหมือน F103RS
คันนี้ให้บอดี้ ล้อและยางโฟมมาด้วย
TAMIYA F103 15th Anniversary (84056) ปี 2008 เป็นคันที่ Tamiya ผลิตออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 15ปีของรถในตระกูลนี้
อันนี้ผมชอบมาก มี4กล่องเลยครับ
TAMIYA F104 Pro Light Weight Body (84106)
คันนี้ออกมาในปี2009 วัสดุระดับโปร เพลทบนและล่างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เพลาเป็นคาร์บอน ชิ้นส่วนอลูมินัมเป็นสีฟ้า
แม้ว่าจะออกจำหน่ายในปี2009ก็ตาม แต่บอดี้ที่ให้มากลับมีรูปร่างแบบ F-1 ของปี2008 ที่มีวิงหน้าแคบและวิงหลังต่ำ ไม่เหมือน F-1 ของปี2009
TAMIYA คงเปลี่ยนรูปร่างบอดี้ไม่ทันก่อนวางขายเพราะเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะเปลี่ยนแปลงแผนการผลิต จึงต้องปล่อยเลยตามเลย
TAMIYA F104 Pro Black Special (84170) คันนี้ก็เหมือนกับตัว Pro เพียงแต่อลูมินัมทุกชิ้นเป็นสีดำ
TAMIYA F104 Ver.II Pro Black Special (84336)
TAMIYA Ferrari F60 (58447) คันนี้ออกมาปลายๆปี2009 เป็นรุ่นธรรมดาที่ให้วัสดุราคาถูกลง
เพลทบนและล่างเป็นไฟเบอร์กลาส เพลาเป็นเหล็ก ยางเป็น Rubber Tires
ให้สติกเกอร์หมวกกันน็อคมาทั้ง2คนคือ Kimi Raikkonen และ Felipe Massa
TAMIYA Vodafone Mclaren Mercedes MP4-24 (58475)
TAMIYA McLaren MP4/5B (84192) และ
McLaren MP4/6 (84193) ทั้ง2คันนี้ออกมาในปี2011 ใช้แชสซี F104W วัสดุเหมือน F104 ตัวธรรมดา
ต่างกันที่ชุดปีกนกหน้าที่นำเอาของ F103 กลับมาใช้ และให้ล้อกับยางโฟมของ F103 มาแทน จึงทำให้มีความกว้างเพิ่มขึ้นจาก 180มม.เป็น 200มม.
ทั้ง2คันให้สติกเกอร์หมวกกันน็อคมาแต่ของ Gerhard Berger ไม่มีของ Ayrton Senna
TAMIYA Lotus 99T Honda (84191) คันนี้ออกมาในปี2011 โดยนำมาวางบนแชสซี F103
รุ่นนี้ Ayrton Senna และ Satoru Nakajima ใช้แข่งในปี1987 เป็นการแข่ง F-1 ครั้งแรกของ Nakajima
3RACING SAKURA FGX คันนี้วางขายปลายปี 2011
เป็น F-1 รุ่นที่2ของค่ายนี้ และถือได้ว่าเป็นรูปแบบใหม่สำหรับ RC F-1 (แม้ว่าเลย์เอาท์แบบนี้จะมีคนเคยทำมาแล้วกว่า15ปีแต่ก็ไม่ได้มีการผลิตออกจำหน่ายทั่วไป)
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกล่างตายตัว ปีกนกบนขยับขึ้นลงได้ โดยมีสปริงอยู่ที่ปลาย Kingpin ด้านล่าง มันสามารถปรับแต่งได้ทั้ง Camber และ Caster
เพลาหน้าจะสอดผ่าน Ball Bearings ที่อยู่ใน Upright และใช้ดุม6เหลี่ยมในการยึดล้อ
จุดเด่นของมันอยู่ที่ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระที่เป็นปีกนกเช่นเดียวกับ Touring Car มี Turnbuckle ที่ใช้ปรับมุม Camber ได้
และใช้ระบบ Push Rod จากปีกนกล่างไปยัง Rocker Arm ที่ไปกดโช็คอัพอลูมิเนียมซึ่งวางตามแนวยาว
(แม้ว่าจะดูสวยงามดี แต่ F-1 ของจริงในยุคนี้ก็ไม่ได้วางตำแหน่งโช็คอัพแบบนี้อีกแล้ว)
ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว มันก็ให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และยังมีชุดแต่งเป็นเหล็กกันโคลงอีกด้วย
แชสซีทำจาก Fiberglass ชิ้นเดียว ซึ่งส่วนปลายด้านหน้าของแชสซีนั้นจะมีไปถึงแค่ใต้ปีกนกหน้าเท่านั้น ไม่ได้ยาวไปจนถึงวิงหน้า ทำให้ส่วนหัวนั้นยกขึ้นเหมือน F-1 ของจริง
แบตเตอรี่วางตามยาวตรงกลาง เซอร์โวต้องใช้แบบตัวสั้น(Low Profile)มันถูกวางหงายขึ้นไว้ทางด้านขวาของแชสซีและมีคันชักไปถึง Steering Crank ที่อยู่หลังปีกนกหน้า
มอเตอร์วางตามขวาง ส่งกำลังผ่านชุดเฟือง 3 ชิ้นก่อนไปถึง Differential แบบเฟือง และต่อไปยังเพลา Universal ที่มีดุมล้อ6เหลี่ยม
ซึ่งชุดส่งกำลังนี้ก็ดูเหมือนกับรถ Touring ขับเคลื่อนล้อหน้า Sakura FF นั่นเอง และนี่อาจเป็นข้อด้อยของมันเพราะระบบส่งกำลังที่ใช้เฟืองหลายตัวย่อมทำให้มีความฝืดมากกว่า
ชุดคิทนี้มาพร้อม บอดี้ กับ วิงหน้าหลัง และล้อ4วง แต่ไม่มียางมาด้วย (ต้องซื้อยี่ห้อ Ride)
WRC F-One-S F-1 จากประเทศอิตาลี
Asurada GSX จากเรื่อง CYBER FORMULA เป็นบอดี้ที่ผลิตโดย Chevron Models ประเทศญี่ปุ่น
Asurada GSX (Rally Version) ผลิตโดย Chevron Models ประเทศญี่ปุ่น
Asurada AKF-0/G Body และ Chassis Conversion Kit ผลิตโดย Chevron Models
Aoi Ogre AN-21 Body และ Chassis Conversion Kit ผลิตโดย Chevron Models
HPI Formula Ten
KYOSHO Ferrari F92A
KYOSHO Benetton Ford B192
KYOSHO Impress
KYOSHO Plazma Formula
KYOSHO KF-01 
Tamiya TRF101
F-1 Body Parts Set Type-M 
บอดี้ต่างๆที่สะสม คันนี้แชสซีแนวเดียวกัน
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
ปฏิทิน
สมาชิก
View the memberlist
ค้นหาผู้ใช้
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
![[EN]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/us.png)
![[FR]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/fr.png)
![[DE]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/de.png)
![[ES]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/es.png)
![[PT]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/pt.png)
![[IT]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/it.png)
![[AR]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/cn.png)
![[JP]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/jp.png)
![[KR]](http://www.rc-plus.net/board/Themes/default/images/gtflags/kr.png)
หัวข้อ: F-1 ล้วนๆ มาแล้วครับ F-1 ล้วนๆ (อ่าน 32716 ครั้ง)
เติ้ล_อ๊อตโต้
บันทึกการเข้า
นี่มันshowroom F1 หรือ F1 MOTOR SHOW ครับ 
