วันนี้ผมขอนำของสะสมประเภท Touring Car มาให้ทุกท่านได้ชมกันครับ ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะมีรถบังคับวิทยุประเภทนี้ไว้ในครอบครอง
หรือไม่ก็คงเคยผ่านมือกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเพื่อการแข่งขันความเร็ว หรือเอาไว้เล่นสนุกๆกับเพื่อนๆ หรือแค่มีไว้เพื่อการสะสม
เนื่องจากเป็นรถที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง
ผมเองนั้นไม่ใช่เซียนของรถประเภทนี้แต่อย่างใด เพราะเริ่มเล่นช้ากว่าคนอื่นและก็เลิกแข่งมาหลายปีแล้ว มีที่เล่นบ้างเป็นครั้งคราวก็ Yokomo SD
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการสะสมซะมากกว่า
จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้นั้นก็ทำให้ทราบว่า มันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า รถบังคับวิทยุประเภท
Touring Car คันแรกของโลก ก็คือ
TA01 คันนี้ครับ
TAMIYA TOYOTA CELICA GT-FOUR RALLY (58096) ออกมาในปี1991
โดยการจำลองตัวถังของรถ Rally ที่ Carlos Sainz ใช้ในการคว้าแชมป์โลก WRC ในปี1990และนำมาวางลงบนแชสซี
TA01ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากรถบักกี้ 4WD Manta Ray โดยทำให้มีชุดปีกนกที่สั้นลง โช้คอัพและโช้คทาวเวอร์ก็สั้นลง
และใส่ยาง Radial ที่มีหน้ากว้างประมาณ 1นิ้ว ล้อเป็นแบบ2ชิ้น ระบบส่งกำลังเป็นแบบเพลา ด้านหน้าใช้ Gear Differential ด้านหลังใช้ Ball Differential
วัสดุส่วนใหญ่เป็น ABS Plastic มีมอเตอร์ Mabuchi 540 และสปีดคอนโทรลแบบแผ่นกรีดให้มาด้วย
ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นของจริงก็ตอนผมแข่งรถบักกี้อยู่ที่สนามซึ่งร้าน ProHobby สร้างขึ้นภายในพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย(ข้างๆราชมังคลาฯ)
ตอนนั้นทางร้านได้เพิ่มการแข่งมาอีกหนึ่งคลาส เรียกว่า Rally มีอยู่ประมาณ4คัน มันดูมีขนาดเล็กกว่าบักกี้ที่เราแข่งกัน และสมรรถนะในการวิ่งก็ไม่ค่อยดีนัก
แต่สิ่งที่ดูดีมากๆคือบอดี้แบบรถเก๋งที่สวยงามเหมือนของจริง จำได้ว่ามี Celica และ BMW E30
พอดูที่ตัวแชสซี TA01 ก็รู้สึกว่ามัน”ก๋องแก๋ง”ยังไงไม่รู้ ตอนนั้นผมเลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนักและก็หันไปเล่นรถกระดานพวก RC10L
นอกจาก NIB กล่องนั้นแล้ว ผมก็ได้แชสซี TA01 แบบประกอบแล้วแต่ไม่เคยวิ่งมาอีก1คัน
และโชคดีมากที่ Tamiya ทำ Re-Release ตัว Celica นี้มาบน TT01 ก็เลยมีบอดี้และล้อกับยางมาใส่ได้พอดี
สมัยนั้น Tamiya ได้ทำชุดแต่ง แชสซีไฟเบอร์กลาส 2ชั้น ออกมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ TA01 ด้วยเช่นกัน ชุดนี้ผมกะว่าจะทำไว้ใส่กับบอดี้ R32
TAMIYA NISSAN SKYLINE GT-R NISMO (58099) ออกมาในปี1991 บนแชสซี TA01 เช่นกัน
เป็น NIB อีกกล่องที่ผมเพิ่งได้มาครับ (ถ้าเข้าใจไม่ผิด คันนี้เป็น TA01 รุ่นแรกที่วางขายในอเมริกา)
R32 GT-R ก็เป็นหนึ่งในความภูมิใจของคนญี่ปุ่น ด้วยเครื่องยนต์ที่แรงและมีระบบขับเคลื่อนแบบ ATTESA E-TS
ซึ่งมันก็คล้ายกันมากกับการใส่ One-Way ที่ Diff ด้านหน้าของรถบังคับวิทยุ
TAMIYA Lancia Delta HF Integrale (58117) แชสซี TA01 ยางเป็นแบบ Off-Road
ช่วงที่ผมเล่นรถกระดานอยู่นั้นก็ได้เห็น TA02 ที่มาพร้อมกับบอดี้พวก DTM ซึ่งผมชอบมากและคันที่ประทับใจมากที่สุดก็คือ Alfa Romeo 155 V6 TI
แต่ก็อีกล่ะครับรู้สึกว่าแชสซีมันยังก๋องแก๋งอยู่ดี เลยได้แต่ซื้อแค่บอดี้พวก DTM เอาไปครอบกับรถกระดานที่ทำเป็น190mm.
ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกชอบ Alfa 155 มากที่สุดในบรรดารถ Touring ทั้งหมด ก็เลยได้ NIB มาสะสมไว้2กล่องครับ
TAMIYA ALFA ROMEO 155 V6 TI (58128) ออกมาในปี 1993 บนแชสซีตัวใหม่
TA02 แชสซีนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนจาก TA01 ในหลายจุด แม้ว่าจะดูคล้ายกันมากถ้ามองผ่านๆ แต่ด้วยรูปร่างของแชสซีที่เปลี่ยนไป
ตำแหน่งของมอเตอร์และแบตเตอรี่จึงเลื่อนไปข้างหน้ามากขึ้น ปีกนกหน้ายาวขึ้น ปีกนกหลังเยื้องไปด้านหลังมากขึ้น เพลากลางสั้นลง
บอดี้ทำมาได้สวยงามและมีรายละเอียดดีมาก มีทั้งสปอยเลอร์ กระจกข้าง ที่ปัดน้ำฝน และCockpitคนขับ
เป็นการจำลองมาจากรถแข่งในคลาส DTM (German Touring Car Championship) ที่ Nicola Larini ได้แชมป์ในปี1993
ตัวรถของจริงนั้นถูกสร้างขึ้นมาภายใต้กฏใหม่ของ DTM ในปีนั้น ที่อ้างอิงมาจาก FIA Class1 Touring Cars ซึ่งให้อิสระมากกว่าเดิมในการปรับแต่ง
ทำให้มันมีโครงสร้างแบบผสมระหว่าง Space Frame ที่ทำขึ้นใหม่กับแชสซีเดิมแค่บางส่วน ระบบกันสะเทือนก็ถูกออกแบบใหม่หมด
ชิ้นส่วนตัวถังทั้งหมดนอกจากหลังคาทำมาจาก Carbon Fiber จึงหนักเพียง1ตันเศษๆ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 2500cc(NA) 420 แรงม้า ขับเคลื่อนแบบ 4WD
พวกนักแข่งถึงกับเปรียบเทียบว่าสมรรถนะของมันใกล้เคียงกับรถ Supercar มากกว่า Touring
TAMIYA AMG MERCEDES-BENZ C-CLASS DTM D2 (58139) ออกมาในปี 1994 บนแชสซี TA02 เป็นรถในคลาส DTM
TAMIYA OPEL CALIBRA V6 DTM (58150) ออกมาในปี 1994 บนแชสซี TA02 เป็นรถในคลาส DTM อีกหนึ่งคันที่ขับเคลื่อนแบบ 4WD
TAMIYA OPEL CALIBRA CLIFF DTM (58188) มาบนแชสซี TA03F ขับเคลื่อนด้วยสายพาน มอเตอร์วางอยู่ด้านหน้า
TAMIYA MARTINI ALFA ROMEO 155 V6 TI (58189) ออกมาในปี 1997 บนแชสซี TA03F มอเตอร์วางอยู่ด้านหน้า
TAMIYA MERCEDES CLK GTR (58214) มาบนแชสซี TA03R ขับเคลื่อนด้วยสายพาน มอเตอร์วางอยู่กลางค่อนไปด้านหลังตัวรถ
TAMIYA CASTROL CELICA GT-FOUR (58129) ออกมาในปี 1993 บนแชสซี TA02 มาพร้อมกับยาง Rally Block Tires
เป็นรถที่ Didier Auriol ได้แชมป์ที่ Monte Carlo ในปี 1993
TAMIYA Loctite Nissan Skyline GT-R N1 (58155) แชสซี TA02
TAMIYA Calsonic Skyline GT-R 2001 (58285) แชสซี TA04
TAMIYA Xanavi Nismo GT-R R34 (58311) แชสซี TB-02
TAMIYA Xanavi Nismo GT-R R34 (58319) แชสซี TT01
TAMIYA Nismo R34 GT-R Z-Tune (58364) แชสซี TT01 ให้ชุดไฟ LED สำหรับไฟหน้าและไฟหลังมาด้วย
TAMIYA TRF414X (93013) ออกมาในปี 1999 เป็นรุ่นแรกในตระกูล 414 ที่ Tamiya ทำออกมาและจำหน่ายให้กับนักแข่งของทีมในอเมริกา
โดยมีจำนวนเพียงแค่ 150 คันเท่านั้น เป็นการพัฒนามาจากรุ่น TRF404X ซึ่งเป็น Prototype ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจากการแข่งขันในปี 1998
แชสซีเป็น Carbon Fiber 2ชั้น ขับเคลื่อนด้วยสายพาน2เส้น ชิ้นส่วนส่วนใหญ่เป็นอลูมิเนียมรวมถึง C-Hub และ Uprightหน้ากับหลัง
คันนี้ให้ Setup Wheel เป็นอลูมิเนียมสีฟ้ามาด้วย และแถมเสื้อยืด TRF มาอีกตัว
TAMIYA TRF414 (49132)
TAMIYA TRF414M (49175)
TAMIYA TRF414MII (49219) ออกมาในปี 2002 เป็นรุ่นที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อนๆในรายละเอียดของชิ้นส่วนต่างๆ
และเพิ่มสีฟ้าให้กับชิ้นส่วนที่เป็นอลูมิเนียม
TAMIYA TRF414M CHAMPION MEMORIAL (49220)
TAMIYA TRF414M WORLD CHAMPION REPLICA (49255)
TAMIYA TB EVOLUTION III SURIKARN (49283) ออกมาในปี 2003 เป็นรุ่น Limited Edition ที่Tamiyaทำออกมาเพื่อฉลองชัยชนะให้กับโปรก้าน
เป็นรถขับเคลื่อนด้วยเพลา แชสซี Carbon Fiber 2ชั้น ชิ้นส่วนอลูมิเนียมเป็นสีแดง มีชิ้นส่วนที่ออกแบบใหม่เพื่อให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน
ยังมีปัญหาอยู่บ้างตรงเพลากลางที่ปลายทั้ง2ข้างต่อกับเฟืองโดยตรง แต่ก็ได้รับการแก้ไขในรุ่น Evolution IV
ASSOCIATED TC3 ออกมาในปี 1999 เป็นรถ Touring รุ่นแรกของค่ายนี้
มันได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีโดย Cliff Lett มือโปรของทีม ทั้งทางด้านสมรรถนะและความทนทาน จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนั้น
วัสดุที่ใช้เป็นแบบ Composite เพลากลางเป็น Carbon Fiber ที่ใส่แบตเตอรี่นั้นมี 7ช่อง มันมีไว้เพื่อการกระจายน้ำหนักหน้าหลังตามที่ต้องการ
ในช่วงปีท้ายๆของรุ่นนี้ ขนาดของแบตเตอรี่ที่ใช้กันในตลาดนั้นใหญ่และหนักมากขึ้น ทำให้รถหนักไปทางด้านซ้ายมากกว่า
แต่ก็แก้ไขได้ด้วยการเจียรบางส่วนของแชสซีออกบ้างเพื่อให้แบตเลื่อนมาข้างในมากขึ้น และต่อมาในรุ่น TC4 ปัญหานี้ก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
รถคันนี้เองคือ Touring Car คันแรกของผม ตอนนั้นเรียนจบแล้วและกำลังเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา พอลงจากเครื่องบิน
เจ้าเพื่อนตัวดีที่มารับก็ช่างรู้ใจซะเหลือเกิน ก่อนจะเข้าบ้านก็ดันพาไปเข้าร้าน Hobby Shop ซะก่อน ตอนนั้น Associated เพิ่งจะวางขายรถ TC3
ในร้านมีเหลือแค่คันเดียว ผมก็เลยจัดมาเรียบร้อย จ่ายเงินดอลลาร์ครั้งแรกในอเมริกาด้วยการซื้อรถบังคับวิทยุซะ
YOKOMO YR-4 ออกมาในปี 1993 เป็นรถ Touring รุ่นแรกของค่ายนี้ รถคันนี้ถูกดัดแปลงมาจากรถบักกี้ตระกูล Super Dogfighter นั่นเอง
แชสซีรูปร่างใหม่เป็นไฟเบอร์กลาส2ชั้น เปลี่ยนลักษณะการวางแบตเตอรี่เป็นแนวขวางและสามารถใช้แบบ Stick Pack ได้
สายพานหน้าจึงถูกยกขึ้นเพื่อหลบให้พ้นแบตเตอรี่ รุ่นแรกนั้นมาพร้อมกับล้อและยาง รถรุ่นนี้มีปัญหาอยู่บ้างตรงการเซ็ตเพลทบนซึ่งไม่คงที่นัก
YOKOMO YR-4 SPORTS ออกมาในปี 1993
YOKOMO YR-4 Honda Prelude YOKOMO MR-4TC SD SSG ออกมาในปี 2003 เป็นรถเพลารุ่นแรกของค่ายนี้ ตามเทรนด์ในสมัยนั้นที่รถเพลามาแรง
จุดเด่นคือวัสดุที่ใช้ทำแชสซี SSG (Silver Surface Graphite) ที่จริงแล้วมันก็คือ Carbon Fiber ที่มีแผ่นบางๆชั้นนอกสุดทำจากอลูมิเนียมเพื่อให้ดูแวววาว
วัสดุอื่นๆก็เป็นระดับโปรทั้งไทเทเนียมและอลูมิเนียม ระบบขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพดีมากทั้งลื่นและทนทาน
ชิ้นส่วนก็ถอดประกอบได้ง่ายและรวดเร็วเพราะการออกแบบที่ดีทำให้จำนวนน็อตที่ต้องถอดนั้นน้อยมาก
รถคันนี้มีข้อบกพร่องตรงที่การบิดตัว(Tweak)มากเกินไป แต่หลังจากที่เซียนฝรั่งหลายๆคนลองผิดลองถูก ก็ได้วิธีแก้ไขที่ไม่ยากเลย
ทำให้มันเป็นรถที่มีสมรรถนะดีมากอีกคันหนึ่ง Masami Hirosaka ก็เคยได้แชมป์หลายสนามด้วยรถรุ่นนี้
ผมสะสมรุ่นนี้อยู่หลายคันเพราะชอบวัสดุ SSG เป็นอย่างมาก และในสมัยนั้นผมก็เคยใช้แข่งในอเมริกาจนประมาณว่าได้เป็นแชมป์ประจำตำบลอยู่ปีนึง
ทุกวันนี้ก็ยังเล่นรุ่นนี้อยู่บ้างนานๆที เป็นรถที่ดูแลรักษาง่าย และด้วยข้อดีอีกอย่างคืออะไหล่ยังใช้ร่วมกันกับรถรุ่นใหม่ๆได้
YOKOMO MR-4TC SDW (SD World Replica) ผลิตมาเพียงแค่ 555 คันเท่านั้น
YOKOMO MR-4TC SD LCG YOKOMO DRIFT MASTER (ตัวแรก)
YOKOMO MR-4TC SD CGM ออกมาในปี 2004 เป็นรถที่พัฒนามาจากตัว SSG โดยใช้วัสดุแบบ Composite มาทำแชสซีเพื่อให้มีการบิดตัวน้อยลง
แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่ารุ่นก่อน รุ่นนี้เองที่เป็นต้นแบบของรถ Drift Package
KYOSHO SPIDER 4WD ออกมาในปี 1994 เป็นรถ Touring รุ่นแรกของค่ายนี้ และก็มาแนวเดียวกันอีกคือ ถูกดัดแปลงมาจากรถบักกี้ Optima Mid
ยังคงใช้สายพานเส้นเดียวและแชสซียังเป็นของเดิม แต่ทำให้ชุดปีกนกสั้นลงเท่านั้น รถคันนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นกันนัก มันเป็นต้นแบบให้กับรุ่นต่อมาอย่าง TF-1
KYOSHO TF-3 MCLAREN F1 GTR HPI RS4 ออกมาในปี 1995 เป็นรถ Touring รุ่นแรกของค่ายนี้ ขับเคลื่อนด้วยสายพาน แชสซีเป็นไฟเบอร์กลาส2ชั้น
มันได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีทั้งทางด้านสมรรถนะและความทนทาน จึงทำให้มันขายดีมากๆในอเมริกา รุ่นนี้มาพร้อมกับบอดี้หลายแบบให้เลือก
ผมชอบตัว McLaren(M-GTR) มากที่สุด และสมัยก่อนก็เคยซื้อแต่บอดี้ไปครอบกับรถกระดานที่เล่น
HOT BODIES CYCLONE ออกมาในปี 2005 เป็นรถที่พัฒนามาจาก HPI Pro4 โดยเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากแบบเพลามาเป็นแบบสายพาน2เส้น
ระบบกันสะเทือนยังใช้ร่วมกันกับ Pro4
ถึงแม้ว่าเลย์เอาท์แบบนี้ Yokomo จะเคยใช้มาก่อนในช่วงยุค90 แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นรูปแบบของ Touring Car ในปัจจุบัน
เพราะใช้กันอยู่ในทุกค่ายจนแทบดูไม่ออกว่ายี่ห้อไหนเป็นยี่ห้อไหน มีความพยายามจากบางค่ายที่ทำเลย์เอาท์ใหม่ๆออกมา
แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะรูปแบบเดิมๆนี้ได้ ก็คงต้องรอดูต่อไปละครับ
KYOSHO Skyline GT-R R32 KYOSHO Peugeot 405 T16GR Dakar Rally KYOSHO Mercedes Benz C Class DTM มาเป็นกล่องที่2แล้วคันนี้
ท่านใดมี Touring Car ที่สะสมไว้ก็นำมาให้ชมกันบ้างนะครับ