ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเทคโนโลยีของ 3D printer เข้ามาช่วยปลดล็อคพลังการสร้างสรรค์จากเหล่านักประดิษฐ์ทั้งโลกเลย
ดังจะเห็นได้จากมีสิ่งของแนว diy ที่แปลกใหม่ และมีคุณภาพไม่ต่างจากสินค้ามีแบรนด์มากนัก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เอง
ในยุคแรกๆนั้น 3d printer ยังเป็นอะไรที่ใหม่ เข้าถึงยากและราคาแพง
ปัจจุบันในประเทศไทย มีตัวแทนจำหน่ายเครื่องปริ้นชนิดนี้อยู่หลายๆจ้าวด้วยกัน
พร้อมบริการแนะนำ ซ่อมแซมหลังการขาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่แพงขึ้นจากประเทศผู้ผลิต
ตัวผมเองได้ใช้ 3D printer อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ประเภท FDM หรืออธิบายง่ายๆคือปริ้นเตอร์ประเภทฉีดเส้นลงมาเป็นเลเยอร์ๆ
แต่วันนี้เกิดอยากจะลองอะไรใหม่ๆ จึงขอขยับไปใช้งานปริ้นเตอร์ประเภท SLA หรือเครื่องประเภทใช้น้ำยาเรซิ่น และฉายแสงให้แข็งเป็นชั้นๆไป
ข้อดีของ sla ก็คือความละเอียดแต่ละเลเยอร์ที่น้อยมาก ระดับ 0.01มิล ต่อชั้นทีเดียว ทำให้ผิวงานเรียบสวยงาม
นิยมนำไปใช้ในวงการทันตกรรม โมเดล และอื่นๆ
พอจะหาซื้อเครื่องปริ้นสักตัว ขั้นแรกก็คือเปรียบเทียบสเปคและราคา เพื่อหารุ่นที่ต้องการ
ตั้งงบในกระเป๋าไว้สัก 15000บาท ซึ่งปัจจุบัน ยังได้แค่หน้าจอ 2K(หน้าจอถ่ายแสง ยิ่งละเอียดยิ่งดีและแพง)
และแน่นอน เครื่องปริ้นราคาประมาณนี้ในตลาด 80% made in china อย่างไม่ต้องสงสัย
มาจบที่ Anycubic Photon Mono SE ที่กลุ่มคนใช้ค่อนข้างเยอะ ทำให้ค้นหาข้อมูล การใช้งาน และอะไหล่ง่าย
จากนั้นมาที่เว็บจ้าวประจำอย่าง lazada มีขายทั้งตัวแทนจำหน่ายในไทยเอง และ anycubic offical store
ในราคาที่ดูแล้วค่อนข้างน่าตกใจ ตีกลมๆ 10000 กับ 15000 แตกต่างกัน 1ใน3ทีเดียว
แต่ช้าก่อน สำหรับใครที่คิดจะซื้อ 3D printer จัดเป็นสินค้าควบคุม กรณีคุณสั่งเองโดยตรงจากต่างประเทศ
จำเป็นที่จะต้องมีใบอนุญาตินำเข้าสินค้าประเภทนี้ และต้องแจ้งกรมศุลกากรก่อนทำก่อนนำเข้าอีกด้วย
ขั้นตอนต่างๆก็ซับซ้อนและใช้เวลาพอสมควร แต่นี่คือ lazada ที่ผมทำการหาข้อมูลมาแล้วว่า
สินค้าทุกชิ้นในนี้ ไม่ต้องทำการจ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากในเว็บ และก็อยากลองดูด้วย ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เลยลองสั่งรุ่นนี้จากประเทศจีนมา
ราคาที่เห็น เพราะผมสั่งช่วงเดือนก่อนหน้านี้ เลยแพงกว่านิดนึง ใส่โค้ดลดนั่นนี่ เหลือเก้าพันกว่าบาท
สักประมาณ 2 อาทิตย์เห็นจะได้ สินค้าสามารถ tracking ตรวจสอบสถานะได้ตลอดเส้นทางตั้งแต่ขึ้นรถจากจีน
ลงผ่านลาวและมาไทยเลย กล่องทรงสูง ใหญ่โตน้ำหนักประมาณ 10กิโลกรัม ดำเนินการขนส่งโดย dhl
***และไม่มีเสียค่าภาษี ทำเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมเลย เหมือนซื้อสินค้าในไทย ที่มาจากประเทศจีนเท่านั้นเอง***
แม้จะรู้ว่านี่คือสั่งจากจีนแท้ๆ แต่เราทำการสั่งผ่าน lazada ไทย ใบแสดงรายการสั่งซื้อในกล่อง ก็มาเป็นภาษาไทยสินะ
อุปกรณ์ที่แถมมาด้วย มีใบคู่มืออย่างง่าย เกรียงไว้แซะชิ้นงาน ไขควงและ adaptor แปลงไฟ
หลังจากยกเครื่องออกมาจากนอกกล่อง รุ่นนี้เป็นตู้โลหะ ที่มีฝาหน้าเปิด/ปิดได้
และจุดเด่นอีกหลายๆอย่างของรุ่นนี้ คือ
1.linear rail รางซัพพลอตแกน Z 2ชิ้นด้วยกัน ทำให้มั่นคงและแม่นยำกว่า
2.ติดตั้งระบบดูดกลิ่นของน้ำยาเรซิ่น
3.มีระบบ wifi สั่งงานไร้สายได้
4.หน้าหน้า lcd ด้านหน้าขนาดใหญ่ ใช้การสั่งงานผ่านการสัมผัสหน้าจอ
ตรงกลางเครื่องมีโฟมรองชิ้นใหญ่โต ที่บรรจุถอดใส่เรซิ่นมาตรงนี้
หลังจากประกอบและเซ็ทเครื่องให้เรียบร้อย ก็ต้องทำการเซ็ท level และเติมน้ำยาเรซิ่น
ตัวเครื่อง usb ที่แถมมากับเครื่อง จะมีไฟล์โปรแกรม ไฟล์เดโม่ ให้ทดสอบการพิมพ์
ใช้เวลาขึ้นอยู่กับรูปทรงของชิ้นงานที่จะพิมพ์ ในรูปใช้เวลาประมาณ 2-3ชม ก็เสร็จสิ้น
โดยรูปทรงเช่นนี้ แทบจะพิมพ์ไม่ได้เลย ในเครื่อง 3d print ประเภท fdm
และความยุ่งยากของเครื่องปริ้นชนิดนี้ ยังต้องการขั้นตอน post process
1.ทำการล้างเรซิ่นที่ยังเปียกติดอยู่กับชิ้นงานออก
2.นำไปตากแดด หรือฉายแสง UV เพื่อให้ชิ้นงานแข็งตัวสมบูรณ์
แล้วก็ได้เป็นชิ้นงานสวยงามเช่นนี้นี่เอง
สรุปสำหรับใครที่ต้องการสั่งซื้อเครื่อง 3D printer ผ่าน lazada จากจีน
สามารถกดสั่งได้เลย ไม่ต้องทำใบนำเข้า และจ่ายภาษีอีก
ทำให้ประหยัดกว่าซื้อจากตัวแทนในไทยได้หลายพันบาท
แต่ก็อย่าลืมว่าเวลามีปัญหาหรือการใช้งาน ตัวแทนในไทยไม่สามารถช่วยคุณได้นะ
อาจจะต้องส่งข้อความไปปรึกษากับคนขายที่จีนเอง หรือหาคนที่รับทำต่างหาก
ทั้งหมดเป็นความเสี่ยง ที่ต้องแลกกับการได้ส่วนลดกองโตครับ
ส่วนใครก็เลือกแบบไหน ก็ลองพิจารณากันดูละกันครับ